Header Ads

นางสาวจินตนา อุดมทรัพย์




นางสาวจินตนา อุดมทรัพย์ประกาศรุกตลาดหวังเพิ่มยอดขายในทุกพื้นที่ชูกลยุทธ์

 

“BEYOND THE LIMITS” สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง พร้อมโชว์เทคโนโลยีไฮบริด
นางสาวจินตนา อุดมทรัพย์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์
ยามาฮ่านับเป็นค่ายที่น่าจับตามองอย่างมากอีกค่ายด้วยการทำการตลาดที่รวดเร็วต่อเนื่องเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งไม่ใช่แค่รถครอบครัวเท่านั้น ทว่ายามาฮ่าเองยังเปิดตลาดครอบคลุมถึงบิ๊กไบค์ซึ่งก็ได้การตอบรับอย่างดีเช่นกัน และเมื่อปลายปี พ.ศ.2560 ยังได้ส่งสุดยอดรถครอบครัวที่ใครก็ต้องฟินน์กันไปทั้งเมือง ออกมาเอาใจตลาดรถจักรยานยนต์ครอบครัวพร้อมทุ่มงบประมาณเพื่อกระตุ้นตลาดทั่วประเทศ
แน่นอนในปีนี้นับเป็นอีกปีน่าจับตามองตลาดมอเตอร์สปอร์ตซึ่งถือว่าเป็นซิกเนเจอร์ของยามาฮ่าเช่นกัน โดยเฉพาะในรายการแข่งรถจักรยานยนต์ระดับโลก โมโตจีพี ซึ่งมีดีกรีแชมป์โลก 9 สมัยวาเลนติโน่รอสซี่ และน้องเล็ก มาวิค บิญาเลส ยิ่งเป็นส่วนช่วยเสริมให้ตลาดมอเตอร์สปอร์ตต้องคึกคัก มากไปกว่านั้นในปีนี้ยามาฮ่าหวังดันเทคโนโลยีไฮบริดในประเทศไทยเป็นครั้งแรกอีกด้วยเพื่อเป็นการตอกย้ำถึงการพัฒนาต่อเนื่องด้านเทคโนโลยีที่ไม่หยุดนิ่ง
        โดยในปีนี้หลังประกาศนโยบาย  ยามาฮ่าแสดงความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยรวมถึงมีปัจจัยบวก จึงพร้อมรุกตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2018 แบบเต็มพิกัด พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยทัพสินค้ารุ่นใหม่ๆ แบบครบทุกเซ็กเมนต์ ภายใต้สโลแกน “BEYOND THE LIMITS” สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง
                โดยวางเป้าการเติบโตเพิ่มขึ้น 19% ผ่านทางกลยุทธ์ด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์ด้านการตลาด ทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ และกลยุทธ์เครือข่าย 3S ด้านการขาย (Sales) การบริการ (Service) และอะไหล่ (Spare Parts) หวังทำยอดขายสูงถึง 320,000 คัน  โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดอย่างน้อย 17%
นางสาวจินตนา อุดมทรัพย์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า
ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2017 ที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 4% โดยมียอดจดทะเบียนรวมประมาณ 1.81 ล้านคัน มียอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ภายใต้แบรนด์ยามาฮ่าอยู่ที่ 268,747 คัน ด้วยสภาวะเศรษฐกิจภาพรวมที่ยังชะลอตัว การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานยังไม่เห็นผลของเม็ดเงินที่ไหลเวียนเข้าสู่ระบบ รวมถึงราคาพืชผลทางการเกษตรยังตกต่ำ โดยยามาฮ่ามีส่วนแบ่งการตลาดที่ 14.8%”
ขณะเดียวกันในปีนี้นับเป็นความน่าสนใจอย่างมาก เพราะยามาฮ่าคาดการณ์และหวังเติบโตต่อเนื่อง และคิดว่าจะมีแนวโน้มที่เป็นไปได้
“สำหรับในปี 2018 นี้ ยามาฮ่าคาดการณ์ว่าตลาดรวมรถจักรยานยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 1.88 ล้านคัน โดยยามาฮ่าได้ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 320,000 คัน เพิ่มขึ้น 19% แต่ส่วนแบ่งการตลาดของ ยามาฮ่ามั่นใจว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 17% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว โดยชูกลยุทธ์หลัก ผ่านทางแบรนด์สโลแกน Revs Your Heart เร่งชีวิต ให้เร้าใจ พร้อมรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เดินเครื่องเสริมทัพสินค้ารุ่นใหม่ๆ ในทุกเซ็กเมนต์ มากถึง 9 รุ่นซึ่งในนี้ก็จะร่วมไฮบริดเข้าไปด้วย เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางการตลาดต่อเนื่อง และจะเปิดตัวสินค้าใหม่ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยอีกเช่นกัน รวมถึงดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดในหลากหลายรูปแบบเข้าสู่ตลาด เพื่อให้โดนใจผู้ใช้รถจักรยานยนต์ได้มากยิ่งขึ้น ทั้งในกลุ่มรถจักรยานยนต์ออโตเมติก ที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นลูกค้าเป้าหมายหลัก และกลุ่มรถจักรยานยนต์แบบมีเกียร์ที่จะเน้นมากเป็นพิเศษ ที่จะมีให้เลือกทั้งแบบรถสปอร์ตที่กำลังมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้น และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน รวมถึง รถครอบครัวที่ในปีนี้ยามาฮ่าจะมีรถรุ่นใหม่ พร้อมกับทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในพื้นที่ทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดสำหรับรถจักรยานยนต์ออโตเมติกมากกว่า 28% รถจักรยานยนต์แบบมีเกียร์ มากกว่า 10% และรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต 26% ในปีนี้เราหวังขายยามาฮ่าฟินน์เพิ่มขึ้น จากเดิมเราตั้งเป้า 3,000คัน ในปีนี้เราตั้งเป้าเป็น 5,000 คันต่อเดือนเพราะเราคาดว่าตลาดกลุ่มนี้จะโตขึ้นอย่างแน่นอน
ผู้บริหารคนเดิมกล่าวด้วยความมั่นใจ และยังได้กล่าวต่อไปถึงแผนการตลาดในปีนี้ได้วางกลยุทธ์ระยะยาวในอีก 3 ปีข้างหน้าเอาไว้ว่า
 เราไม่ได้มองแค่เพียงสั้นๆแต่เราได้วางแผนเอาไว้ในระยะเวลา 3 ปีจากนี้เช่นกัน บริษัทฯ มีกลยุทธ์การพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ทุกเซ็กเมนต์ ซึ่งปีนี้ยามาฮ่าตระหนักถึงความสำคัญของนโยบายด้านการขาย และการบริการลูกค้า จึงเน้นการส่งเสริมผู้จำหน่ายถึงการจัดกิจกรรมในพื้นที่ให้เข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น รวมถึงการบริการหลังการขายของยามาฮ่าที่พร้อมส่งมอบบริการระดับพรีเมี่ยมเพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้ายามาฮ่าทุกคนด้วยโครงการ “Yamaha Premium shop”, “Yamaha Pro Care” อีกทั้งมีการเสริมภาพลักษณ์ของการตกแต่งภายในร้านผู้จำหน่าย Yamaha Square โดยมี “Blue Core Corner” และ“Rev Corner” เพื่อให้ลูกค้าได้รับรู้ถึงความเป็น Yamaha Sportyในทุกจุด เป็นต้น”
โดยระยะแรกจะเริ่มเปิดศูนย์บริการดังกล่าวจะเป็นการร่วมมือกันระหว่างตัวแทนจำหน่ายกับยามาฮ่า ซึ่งมุ่งหวังให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเกิดความรู้สึกประทับใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งระยะหลังมาจะเห็นว่าคนที่ซื้อรถจักรยานยนต์คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เลือกใช้ความรู้สึกตัดสินใจมากขึ้น รวมถึงลูกค้าเมื่อซื้อรถไปแล้วก็ต้องการความเอาใจใส่ระดับพรีเมี่ยม ซึ่งบางครั้งอาจยังยังไม่เพียงพอ ด้านยามาฮ่าจึงเลือกใส่ใจรายละเอียดส่วนนี้มากขึ้น
“นอกจากเราปรับศูนย์บริการให้เป็นรูปแบบใหม่แล้ว เรายังมองถึงการพัฒนาทีมช่างให้มีความสามารถมากขึ้นทุกด้าน เราต้องคุยกับตัวแทนจำหน่ายของเราค่อนข้างมากเพื่อให้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน ขณะที่เรื่องของออนไลน์เราก็ยังต้องเน้นมากขึ้นต่อไป ลูกค้าสามารถเข้ามาดูอะไหล่ได้ในเวปไซต์ของยามาฮ่า แล้วก็ไปสั่งได้ที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน หากดีลเล่อร์ไหนสนใจเราก็พร้อมผลักดันเขาเช่นกัน เราพัฒนาด้านดิจิตอลของเราต่อเนื่องเพื่อให้ทันกับตลาดยุคใหม่ในทุกด้านรวมถึงกิจกรรมต่างๆก็เช่นกัน”  รองประธานกรรมการบริหารฯ กล่าวถึงกลยุทธ์ที่ต้องเดินควบคู่กันไปกับการตลาดระยาวของยามาฮ่า
ขณะเดียวกันเทคโนโลยีที่กำลังจะมาในเร็วๆนี้ คือไฮบริด ในต่างประเทศกำลังเป็นเรื่องน่าสนใจและเราก็ได้เห็นโมเดลล่าสุดในงานโตเกียวโมโตโชว์ ถึงแม้ระยะเวลาผ่านมาตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทยเติบโตต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ตัวรถที่ขายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเทคโนโลยีด้านต่างๆด้วย มีการนำเสนอสิ่งใหม่ๆตลอดเวลา ซึ่งสะท้อนถึงความไม่หยุดยั้งของค่ายรถจักรยานยนต์ที่ต้องการนำเสนอความแปลกใหม่และล้ำสมัย รวมถึงยามาฮ่าเช่นกันที่ยังคงพัฒนาเทคโนโลยีไฮบริดอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดย ในปีนี้อาจเป็นปีของการมาถึงของไฮบริด ให้คนไทยได้สัมผัสกัน
“สำหรับจักรยานยนต์ไฮบริดเรามีแน่นอน แต่จะมาในช่วงไหนต้องคอยติดตาม ถามว่าช่างปรับตัวมากไหมเราเตรียมความพร้อมเรียบร้อย แล้วเราก็เชื่อว่าช่างมีความสามารถพอ เรามีการลงทุนเพิ่มเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์แบบในรถรุ่นใหม่เสมอเพื่อให้คุณภาพสูงสุดเสมอเมื่อถึงมือลูกค้า ด้วยเหตุผลดังกล่าวในแง่การลงทุนซึ่งก็อาจส่งผลต่อราคาขายเช่นกัน เราต้องมาดูกันอีกทีสำหรับราคาที่เหมาะสมและเราก็ยังต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความลงตัวมากที่สุด ส่วนการประกอบคาดว่าน่าจะประกอบประเทศไทยเพราะฝีมือและความพร้อมเราก็มีทุกด้าน”  ผู้บริหารหญิงแห่งยามาฮ่าเผยถึงเทคโนโลยีไฮบริดซึ่งกำลังจะมาถึงประเทศไทยเร็วๆนี้
ด้านสปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง ยามาฮ่ายังคงสานต่อความเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่องด้วยการเป็นผู้สนับสนุนสโมสรชื่อดังระดับประเทศอย่าง สโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์โตโยต้าไทยลีก ฤดูกาล 2017 โดยในปีนี้ยามาฮ่าต่อยอดด้วยการใช้กีฬามอเตอร์สปอร์ตเป็นตัวปลุกกระแสในกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถสไตล์สปอร์ตที่จะแสดงให้เห็นถึง DNA ของความเป็น Yamaha Sporty ได้อย่างชัดเจน โดยในปีนี้การแข่งขัน MotoGP จะมีขึ้นในเมืองไทยเป็นครั้งแรก ยามาฮ่าจึงได้กระตุ้นพร้อมปลุกกระแสเกมมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกให้กับกลุ่มลูกค้ายามาฮ่า และแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นการตอกย้ำ และสร้างความแข็งแกร่ง  ของยามาฮ่าในภาพลักษณ์ของความเป็นผู้นำทางด้านมอเตอร์สปอร์ตอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
ทั้งคืออนาคตอันจับต้องได้ของยามาฮ่าที่ขับเคลื่อนโดย นางสาวจินตนา อุดมทรัพย์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ วันนี้ยังสานต่อและสร้างความเชื่อมั่นพร้อมพายามาฮ่าก้าวเดินอย่างมั่นคงและยั่งยืน                “เป้าหมาย และแนวทางทั้งหมดที่ยามาฮ่าวางในปีนี้ เพื่อมุ่งเน้นที่จะส่งมอบสินค้าคุณภาพสูง และสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าเป็นสำคัญ และในโอกาสนี้ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ขอขอบพระคุณท่านสื่อมวลชนทุกๆ ท่านที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีตลอดมา และบริษัทฯ หวังอย่างยิ่งว่าจะมีกิจกรรมที่สร้างสรรค์ร่วมกับท่านสื่อมวลชนในปีนี้เช่นกัน”

ไม่มีความคิดเห็น