BMW M4 DTM Champion Edition
BMW M4 DTM Champion Edition
โหดระดับ10 ค่าตัว 13,939,000 บาทถ้าอยากครอบครอง!!!
นี่คือผลผลิตเพียง 200
คันทั่วโลก บีเอ็มดับเบิลยู M4 DTM Champion Edition เป็นสุดยอดยานยนต์เปี่ยมสมรรถนะสำหรับนักสะสม
ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของนักขับชาวเยอรมัน มาร์โก วิทแมนน์ จาก BMW
Team RMG ผู้คว้าชัยในฐานะสุดยอดนักขับจากการแข่งขันทัวริ่งคาร์รายการ
Deutsche Tourenwagen Masters หรือ DTM ประจำปี
2016 นอกจากจะรวบรวมเทคโนโลยีชั้นเยี่ยมจากรถแข่งตัวจริงไว้แล้ว
บีเอ็มดับเบิลยู M4 DTM Champion Edition ยังมีรูปลักษณ์ในสไตล์คล้ายคลึงกับรถแข่ง
DTM ตัวจริง
ไม่ว่าจะเป็นแถบตกแต่งสไตล์รถแข่งสุดคลาสสิคตามแบบฉบับบีเอ็มดับเบิลยู M ที่พาดผ่านเหนือตัวถังสีขาว
Alpine White สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ไปจนถึงชิ้นส่วนคาร์บอนต่างๆ
ที่ถูกออกแบบมาอย่างดีเพื่อทำหน้าที่ด้านอากาศพลศาสตร์
ด้วยนวัตกรรมระบบหัวฉีดน้ำ (water
injection) ที่พบได้ในรุ่นก่อนหน้าอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู M4
GTS บีเอ็มดับเบิลยู M4 DTM Champion Edition จึงพร้อมมอบสมรรถนะล้นเหลือด้วยพละกำลังสูงสุดถึง
368 กิโลวัตต์ / 500
แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ซึ่งสูงกว่าบีเอ็มดับเบิลยู M4
รุ่นมาตรฐานถึง 51 กิโลวัตต์ / 69
แรงม้า และ 50 นิวตันเมตร ตามลำดับ ทั้งหมดนี้ทำให้
บีเอ็มดับเบิลยู M4 DTM Champion Edition สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100
กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 3.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 305
กิโลเมตรต่อชั่วโมง
บีเอ็มดับเบิลยู M4 DTM
Champion Edition ต่อยอดการพัฒนาโครงสร้างน้ำหนักเบาของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู
M4 รุ่นมาตรฐาน ด้วยส่วนกระโปรงหน้า-หลัง หลังคา
โครงแผงหน้าปัด และแผงใต้กันชนท้าย
ที่ทำจากวัสดุล้ำยุคอย่างพลาสติกเสริมเส้นใยคาร์บอน (carbon-fibre-reinforced
plastic; CFRP) ในขณะที่ระบบท่อไอเสียคู่แบบสปอร์ต
ยังมาพร้อมกับท่อเก็บเสียงที่ทำมาจากไทเทเนียมน้ำหนักเบาพิเศษอีกด้วย
ภายในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู M4
DTM Champion Edition โดดเด่นด้วยเบาะหน้าคู่แบบ M Carbon
bucket seat ที่หุ้มวัสดุพิเศษ Alcantara และหนังแกะเมอริโน
ส่วนพื้นผิวอื่นๆ ในห้องโดยสารก็ห่อหุ้มด้วยวัสดุคุณภาพสูงอย่าง Alcantara เช่นกัน
รวมถึงพวงมาลัย M Sports ที่มีเครื่องหมายสีเทาที่ตำแหน่ง 12
นาฬิกา ขณะที่เบาะหลังถูกแทนที่ด้วยโครงเหล็ก rollover bar ส่วนในด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัยก็ครบครันด้วยระบบนำทางแบบ
Professional ไฟหน้า LED ที่มาพร้อมระบบ
BMW Selective Beam ไฟท้ายแบบ OLED ระบบควบคุมการจอดด้านหน้าและด้านหลังหรือ
Park Distance Control และกระจกภายในและภายนอกที่ปรับระดับความสว่างได้อัตโนมัติ
Post a Comment